พระเยซูเจ้าทรงประทานความรู้แก่ดิฉันเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระองค์ในสามด้าน,แต่ทั้งหมดก็รวมกันในที่เดียวกัน
ประการแรกคือวิญญาณที่แยกตนเองออกจากโลกจะเป็นเครื่องบูชาต่อหน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้าและวอนขอพระเมตตาต่อคนทั้งโลก…. และด้วยการวิงวอนนี้,พวกเขาจะได้รับพระพรสำหรับพระสงฆ์, และโดยอาศัยการอธิษฐานภาวนาของพวกเขาจะเป็นการเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้า
ประการที่สองคือการอธิษฐานภาวนาร่วมกับกิจการแห่งความเมตตาโดยเฉพาะ,พวกเขาจะปกป้องวิญญาณของบรรดาเด็กๆจากจิตแห่งความชั่วร้าย การสวดภาวนาและการแสดงความเมตตาเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับวิญญาณเหล่านี้ และแม้แต่คนที่ยากจนที่สุดก็สามารถกระทำได้ตามกำลังของพวกเขา และในโลกที่เห็นแก่ตัวนี้, พวกเขาจะช่วยปลุกเร้าความรักความเมตตาของพระเยซูเจ้า
ประการที่สามคือการอธิษฐานภาวนาและกิจการแห่งความเมตตา,โดยใจอิสระไม่มีข้อผูกมัดให้สาบานที่จะกระทำ,การทำเช่นนี้,บุคคลเหล่านี้จะมีส่วนในคุณธรรมและสิทธิพิเศษทั้งปวงของกลุ่มคณะทั้งหมด ทุกคนในโลกสามารถอยู่ในกลุ่มคณะนี้ได้
สมาชิกของกลุ่มคณะนี้ควรทำกิจแห่งความเมตตาอย่างน้อยวันละครั้ง และอย่างน้อยหนึ่งอย่าง แต่อาจกระทำหลายอย่างก็ได้ เพราะการกระทำเช่นนี้ใครๆก็สามารถกระทำได้อย่างง่ายดาย แม้แต่คนที่ยากจนที่สุดก็ตาม การแสดงความเมตตานั้นมีสามวิธี คือ แสดงความเมตตาในคำพูดเป็นวิธีแรก, วิธีที่สองโดยการกระทำได้แก่การให้อภัยและการปลอบโยน ถ้าไม่สามารถพูดหรือกระทำอะไรได้ก็จงสวดภาวนา--- ซึ่งเป็นความเมตตาเช่นกัน และนั่นคือวิธีที่สาม เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง, เราจะถูกพิพากษาจากสิ่งเหล่านี้ และบนพื้นฐานของสิ่งนี้, เราจะได้รับคำตัดสินชั่วนิรันดร์
ประตูน้ำพุแห่งพระเมตตาของพระเจ้าได้เปิดไว้สำหรับเราแล้ว ขอให้เราปรารถนาที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ก่อนที่วันแห่งพระยุติธรรมของพระเจ้าจะมาถึง และนั่นจะเป็นวันที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก!
...1155-1159...จากบันทึกของนักบุญโฟสตินา โควาลสกา... พระเมตตาอันศักดิ์สิทธิ์ในวิญญาณของฉัน
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น