วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2566

เทเรซา มุสโค

 


เทเรซา มุสโค
 
ระหว่างปี 1951 ถึง 1953 เมื่อเทเรซามีอายุระหว่าง 8 และ 10 ปี แม่พระได้เปิดเผยให้เธอรู้เกี่ยวกับโลกและพระศาสนจักร ซึ่งพวกเราในทุกวันนี้ได้เห็นสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น
 
แม่พระทรงบอกเธอว่า “ลูกจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในพระศาสนจักร คริสตชนจำนวนเพียงเล็กน้อยที่จะสวดภาวนา ทำให้วิญญาณหลายดวงต้องไปสู่นรก" เรากำลังพูดถึงการแตกแยกในพระศาสนจักรซึ่งเริ่มขึ้นในปี 1976 แม่พระตรัสว่า "ลูกจะได้เห็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ในบ้านของแม่ คอมมิวนิสต์ได้รับอำนาจมากขึ้นในบ้านของแม่ แต่พวกมันกำลังรอเวลาที่เหมาะสม”
 
แม่พระตรัสว่า “พระสงฆ์จำนวนมากได้ถึงจุดที่ทำให้ตาบอดในการไม่ฟังเสียงของพระเยซูและแม่ด้วย” แม่พระทรงขอให้เทเรซาถวายความทุกข์ยากสำหรับพระสงฆ์เหล่านั้น เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าพระประสงค์ของพระเจ้าคืออะไร “ขณะที่พระสงฆ์จำนวนน้อยมากที่ยังคงซื่อสัตย์ก็ยังหวาดกลัวที่จะแสดงออกถึงความเชื่อของเขา พระสงฆ์,พระสังฆราช, พระคาร์ดินัล พวกเขาทั้งหมดจะถูกทำให้สับสน พวกเขาจะเกาะติดกับวิถีการเมืองเพื่อช่วยตัวพวกเขาเองเท่านั้น แต่พวกเขาก็จะทำผิดพลาดอีกครั้ง”
 
แม่พระยังตรัสกับเทเรซาอีกว่า “ลูกยังจะได้เห็นว่าพระสงฆ์จำนวนมากเพียงไรที่ปฏิเสธความจริงของการปรากฏอย่างแท้จริงขององค์พระบุตรของแม่ในศีลมหาสนิทและพวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะประกอบพิธีศีลมหาสนิทนี้อีกต่อไป”
 
แม่พระยังทรงบ่นว่า พระนางทรงประจักษ์ที่ลาซาแล็ตแต่พวกเขาก็ไม่ฟังเสียงของแม่ พระนางตรัสว่าพระสันตปาปาพระองค์แรกซึ่งจะวิตกกังวลเกี่ยวกับความลับแห่งฟาติมา (นักวิเคราะห์ระบุว่าคือพระสันตปาปาเปาโลที่ 6) พระองค์จะไม่กล้าเปิดเผยความลับ เพราะ ความลับข้อที่สามดูน่ากลัวมาก,โดยกล่าวว่า “ไฟและควันจะทำลายโลก น้ำในมหาสมุทรจะเปลี่ยนเป็นไฟและไอน้ำและโฟมจะยกตัวขึ้นท่วมยุโรป แล้วทุกสิ่งจะจมอยู่ภายใต้ลาวา ผู้ถูกเลือกสรรจำนวนน้อยที่ยังมีชีวิตอยู่จะอิจฉาคนที่ตายไปแล้ว” นี่ฟังดูเหมือนกับสาส์นของแม่พระซึ่งประทานที่อากิตะในอีก 21 ปีต่อมา และตรงกับพระดำรัสของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 กล่าวที่ fulda ในอีก 24 ปีต่อมา
 
(หมายเหตุ -พระดำรัสของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2 - “เราต้องเตรียมตนเองให้พร้อมรับการทดลองครั้งใหญ่ในอีกไม่นาน ถึงขั้นที่เราอาจจะต้องเสียสละแม้กระทั่งชีวิต และอุทิศตนอย่างเต็มที่แด่พระคริสต์และเพื่อพระคริสต์... ด้วยคำภาวนาของพวกท่านและของข้าพเจ้า เป็นไปได้ที่จะบรรเทาความทุกข์ยากนี้ แต่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงมัน เพราะเพียงเช่นนี้เท่านั้นที่พระศาสนจักรจะได้รับการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิผล กี่ครั้งแล้วที่การฟื้นฟูพระศาสนจักรเกิดขึ้นจากเลือด! ครั้งนี้ก็จะไม่เป็นอย่างอื่นเช่นกัน เราต้องเข้มแข็งและเตรียมพร้อม วางใจในพระคริสต์และพระมารดาของพระองค์ และขยันหมั่นเพียรในการสวดสายประคำ”)
 
แม่พระได้เปิดเผยแก่เทเรซาว่า “จากปี 1972, เวลาของซาตานและเวลาแห่งการทดลองอันยิ่งใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น พระคาร์ดินัลจะขัดแย้งกับพระคาร์ดินัล และพระส้งฆราชจะขัดแย้งกับพระสังฆราช” ซึ่งคำพูดเหมือนกับที่แม่พระตรัสที่อากิตะในปี 1973
 
และให้เราจำไว้ว่า ในปี 1972 พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ตรัสว่า “ควันไฟของซาตานได้แทรกซึมเข้ามาในพระศาสนจักรจากรอยแยก”
 
แต่ในปี 1951 แม่พระทรงบอกแก่เทเรซาว่า “พระบิดาจะทรงส่งการลงทัณฑ์ยิ่งใหญ่มายังมนุษยชาติทั้งมวลในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษ พระเจ้าจะลงโทษมนุษยชาติอย่างรุนแรงยิ่งกว่าที่พระองค์ทรงลงโทษด้วยน้ำวินาศ” แล้วแม่พระทรงขอให้เทเรซาช่วยพระนาง โดยตรัสว่า “พระบิดาทรงเบื่อระอาและเต็มไปด้วยพระพิโรธที่พระบุตรของพระองค์ถูกแทงและเหยียบย่ำดูหมิ่นอยู่เสมอโดยมนุษย์ที่จิตใจเหี้ยมโหด ลูกสาวของแม่,โปรดทำพลีกรรมเถิด,เพราะประชาชนกำลังวิ่งไปอย่างรวดเร็วมุ่งสู่หน้าผา” แล้วแม่พระทรงบอกเทเรซาว่า “เมื่อซาตานขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของพระศาสนจักรแล้ว จงรู้ไว้เถิดว่าเมื่อนั้น มันจะล่อลวงจิตใจของนักวิทยาศาสตร์ที่เฉลียวฉลาดหลายคนและจะเป็นเวลาที่พวกเขาจะประดิษฐ์อาวุธทรงอานุภาพซึ่งทำลายประชากรโลกส่วนใหญ่ได้” จากข้อความนี้มีนัยสำคัญว่าปีศาจจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของพระศาสนจักร
 
ในวันที่ 10 ตุลาคม 1973,แม่พระทรงระบุว่าช่วงเวลาแห่งการลงทัณฑ์จะเกี่ยวข้องกับสงคราม แม่พระทรงบอกว่า “เรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่ในแผ่นดินซึ่งพระผู้ไถ่,องค์พระบุตรสุดที่รักของแม่ถือกำเนิดมา,และมันจะไม่หยุด มันจะดูเหมือนว่ามีสันติภาพ,แต่มันไม่ใช่สันติภาพที่แท้จริง เพราะจากที่นั่น,สงครามครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น และจากที่นั่นการลงทัณฑ์ยิ่งใหญ่ของสวรรค์และของโลกจะมาถึง”
 
ให้เราระลึกถึงวันที่ 6 ตุลาคม 1973, อิสราเอลถูกรุกรานอันเป็นการเริ่มต้นของสงคราม ยำ คาปูร์(Yam Kapur) ซึ่งมีการลงนามหยุดยิงเมื่อในวันที่ 6 ตุลาคม แต่สองปีต่อมา,พระเยซูทรงบอกกับเทเรซาว่า “สงครามที่เริ่มต้นขึ้นระหว่างประชาชนจะไม่สิ้นสุดจนกว่าพวกเขาได้ทำลายซึ่งกันและกันแล้ว
 
ดังนั้นสิ่งที่พระเยซูและแม่พระทรงบอกกับเทเรซานั้นก็คือความขัดแย้งที่เริ่มต้นในปี 1973 ในตะวันออกกลางที่มีสาเหตุจากซาตานและลุกลามไปทั่วโลก,จะไม่สิ้นสุดลงจนกว่าการทำลายของกำลังทั้งสองฝ่ายจะสำเร็จ และนั่นจะเป็นสาเหตุของการลงทัณฑ์ของพระบิดา แต่การลงทัณฑ์นั้นถูกระงับชั่วคราวตั้งแต่ 1973 ซึ่งหลีกเลี่ยงไปได้ก็อาจเป็นเพราะการสวดภาวนาและการทำพลีกรรม,ทำให้การลงทัณฑ์ถูกเลื่อนออกไปหรือถูกยอเลิก ดังนั้นการสวดภาวนาและการทำพลีกรรม,เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น