การขับไล่ปีศาจที่ยืนยันถึงความแท้จริงของคาทอลิก
คำให้การเป็นพยานต่อไปนี้ให้ไว้เกี่ยวกับอำนาจอันทรงพลังของการแทรกแซงช่วยเหลือของนักบุญอิกเนเชียส โลโยลา ผู้ก่อตั้งคณะเยสุอิต เป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการถูกปีศาจาเข้าสิง
Ostrog, โปแลนด์ ปี 1627.
หญิงสูงศักดิ์ที่นับถือนิกายคาลวินถูกปีศาจเข้าสิง,เธอแสดงสัญญาณมากมายของการถูกปีศาจครอบงำ รวมถึงการตอบคำถามที่พวกเขาถามไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม
หัวหน้านิกายคาลวินไม่สามารถรักษาเธอได้ จึงเข้าไปหาพระสงฆ์เยซูอิตในท้องถิ่นอย่างลังเล
อธิการคณะเยซูอิตตอบพวกเขาว่า:
“คุณไม่คิดว่าพิธีของเราเป็นเรื่องไสยศาสตร์และพิธีการขับไล่ปีศาจของเราเป็นเรื่องไร้ความหมายหรอกหรือ? แล้วคุณมาหาเราทำไม? มันเป็นความเชื่อหรือเป็นความจำเป็นที่นำคุณมาหาเรา? ส่งหัวหน้าของคุณและพระสงฆ์ของพวกคุณไปทำการขับไล่ปีศาจก่อน แล้วดูว่าพวกเขามีอำนาจเหนือปีศาจแค่ไหน แล้วค่อยมาหาเรา เพราะมันเป็นการยุติธรรมที่จะพิสูจน์ถึงความแท้จริงของกลุ่มคาลวินและของคาทอลิก”
พวกคาลวินนิสต์กล่าวว่าหัวหน้าของพวกเขาไม่มีอำนาจที่จะขับไล่ปีศาจได้ ท่านอธิการเยซูอิตจึงตกลงจะไปพบผู้หญิงคนนั้น
เรื่องราวดำเนินต่อไป:
“หลังจากนั้น, พระสงฆ์คาทอลิกได้ไปเยี่ยมผู้หญิงคนนั้นเพื่อดูว่าเธอถูกปีศาจครอบงำจริงหรือไม่ ซึ่งพวกเขาก็ได้รับการยืนยันในไม่ช้า ทันทีที่ท่านอธิการเยซูอิตพรมน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้เธอและสัมผัสเธอด้วยพระธาตุของนักบุญอิกเนเชียสโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอก็เริ่มบิดตัวและดิ้น โดยบอกว่ากระดูกของนักบุญอิกเนเชียสทำให้เธอทรมาน
เนื่องจากอธิการเยซูอิตกระตือรือร้นที่จะรักษาจิตวิญญาณของพวกคาลวินนิสต์มากกว่าการรักษาหญิงคนนั้น ท่านจึงสั่งให้พวกเขานำหนังสือ "สถาบัน" ของคาลวินหรือหนังสือเล่มอื่นที่มีหลักคำสอนของพวกเขาเองมามอบให้หญิงคนนั้น พวกเขาทำตาม,ปีศาจเริ่มจูบและลูบไล้มันด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ท่านอธิการเยซูอิตจึงหยิบหนังสือมาและซ่อนรูปของนักบุญอิกเนเชียสไว้ระหว่างหน้ากระดาษ แล้วท่านก็ยื่นให้ผู้หญิงอีกครั้ง ครั้งนี้,ปีศาจถอยกลับ,กรีดร้องด้วยความโกรธ,และไม่ยอมแตะต้องหนังสือด้วยซ้ำ
เมื่อปีศาจถูกบังคับให้บอกถึงสิ่งที่มันกลัว, วิญญาณโสโครกจึงตอบว่า 'รูปของนักบุญอิกเนเชียสที่แกวางไว้ตรงนั้น!'
พวกคาลวินนิสต์รู้สึกสับสนอย่างมากกับเรื่องนี้ และหนึ่งในนั้นก็พูดด้วยความโกรธว่า “พวกปาปิสต์(พวกของพระสันตะปาปา)มีความเข้าใจที่ดีกับปีศาจ, ดังนั้นคุณจึงทำอะไรก็ได้ตามใจชอบกับพวกมัน”
หนึ่งในพระสงฆ์เยสุอิตคนหนึ่งกล่าวว่า 'ในเมื่อหลักฐานนี้ยังไม่เป็นที่พอใจแก่ท่าน เรามาลองดูกันเถิด ผมจะสวดภาวนาต่อพระเจ้าว่าถ้าความเชื่อของคุณเป็นจริง,ก็ขอให้ปีศาจเข้ามาในร่างกายของผมและทรมานผม, แต่ถ้าความเชื่อคาทอลิกเป็นจริง,ให้มันเข้าไปในตัวคุณเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น คุณพอใจข้อเสนอนี้หรือไม่?
ไม่มีใครสักคนในพวกคาลวินนิสต์ที่ยอม,และทุกคนก็เงียบ จากนั้นพวกเขาก็ขอร้องให้ท่านอธิการเยซูอิตช่วยเหลือหญิงผู้น่าสงสารคนนั้นอย่างจริงจัง,หากทำได้ ท่านอธิการให้สัญญาแล้วจึงจากไป”
ทุกครั้งที่พระสงฆ์เยสุอิตคนหนึ่งมาหาผู้หญิงคนนั้น “เธอจะมีความทรมานเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากเป็นผู้นับถือนิกายคาลวินมาหาเธอ,เธอจะเรียกเขาว่าเพื่อนรักของเธอ”
ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ได้รับการปลดปล่อยหลุดพ้นจากการสิงของปีศาจ,หลังจากที่พระสงฆ์เยซูอิตทำการอดอาหารและพลีกรรมชดเชยใช้โทษบาปให้แก่เธอ,พระสงฆ์ผู้ขับไล่ปีศาจประกอบพิธีมิสซาศักดิ์สิทธิ์,และประกอบพิธีขับไล่ปีศาจกับเธอ หลังจากที่ปีศาจออกไปจากเธอแล้ว “ในเวลานั้นเธอก็ละทิ้งข้อผิดพลาดของเธออย่างจริงจังและยอมรับความเชื่อคาทอลิก”
นี่เป็นหนึ่งในหลักฐานอันยิ่งใหญ่ของความเชื่อคาทอลิกคือเมื่อใดก็ตามที่มีคนต้องการความช่วยเหลือในการเผชิญหน้ากับปีศาจ,พวกเขามักจะเรียกพระสงฆ์คาทอลิกให้มาช่วย
ขอสรรเสริญพระองค์,พระเยซูคริสต์,ผู้ทรงขับไล่ปีศาจออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้วิญญาณกลับใจ,โดยอาศัยพระสงฆ์ของพระองค์เป็นเครื่องมือ!
ที่มา: Paul Thigpen (protestant convert), “Saints Who Battled Satan: นักรบศักดิ์สิทธิ์สิบเจ็ดคนที่สามารถสอนคุณถึงวิธีต่อสู้กับศัตรูอย่างเชี่ยวชาญและทำให้คุณมีชัยชนะต่อศัตรูโบราณ” (TAN Books, 2015), 116-19, ซึ่งได้เอาข้อความมาจากหนังสือเล่มต่อไปนี้: Antonio Francesco Mariani, “The Life of St. Ignatius Loyola, Founder of the Jesuits, Vol. 2” (Thomas Richardson and Sons, 1849).
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น