วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

สง่าราศีของเราอยู่ในพระเจ้า

 
 

บทเทศน์ของนักบุญออกัสติน
 
ความจริงบังเกิดขึ้นมาจากแผ่นดินและความยุติธรรมมองลงมาจากสวรรค์
 
ตื่นเถิดมนุษยชาติ! เพื่อเห็นแก่พวกท่าน,พระเจ้าเสด็จมาเป็นมนุษย์ จงตื่นเถิด,ท่านผู้หลับใหล จงลุกขึ้นมาจากความตาย แล้วพระคริสต์จะทรงฉายแสงแก่ท่าน ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่านอีกครั้งว่า: เพื่อเห็นแก่ท่าน,พระเจ้าจึงเสด็จมาเป็นมนุษย์
 
ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานในความตายชั่วนิรันดร์,หากพระองค์เสด็จมาไม่ทันเวลา ท่านจะไม่มีวันได้รับการปลดปล่อยจากเนื้อหนังที่เป็นมลทินบาปเลย,หากพระองค์ไม่ทรงรับเอารูปร่างเช่นเดียวกับเนื้อหนังที่เป็นมลทินบาปมาไว้บนตัวของพระองค์เอง ท่านคงได้รับความทุกข์ทรมานชั่วนิตย์นิรันดร์,หากปราศจากพระเมตตานี้ ท่านจะไม่มีวันกลับมามีชีวิตอีก,หากพระองค์ไม่รับปันส่วนความตายของท่าน ท่านคงจะสูญเสียไป,ถ้าพระองค์ไม่รีบมาช่วยเหลือท่าน ท่านคงพินาศไปแล้ว,ถ้าพระองค์ไม่เสด็จมา
 
ให้เราเฉลิมฉลองด้วยความร่าเริงใจในการเสด็จมาของความรอดและการไถ่บาปของเรา ขอให้เราเฉลิมฉลองในวันเฉลิมฉลองซึ่งพระองค์ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเป็นนิรันดร์ได้เสด็จจากนิรันดรภาพอันยิ่งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดมาสู่วันเวลาอันแสนสั้นของเราเอง
 
พระองค์ทรงกลายเป็นความยุติธรรมของเรา, เป็นความศักดิ์สิทธิ์ของเรา, เป็นการไถ่กู้ของเรา, เพื่อว่าตามที่มีเขียนไว้ว่า: ให้ผู้ที่มีสง่าราศีจงมีสง่าราศีในองค์พระผู้เป็นเจ้า
 
แล้วนั้น,ความจริงจึงได้บังเกิดขึ้นจากแผ่นดินโลก พระคริสต์ผู้ตรัสว่า, เราคือความจริง, ทรงประสูติจากหญิงพรหมจารีย์ และความยุติธรรมมองลงมาจากสวรรค์ เพราะว่าการเชื่อในพระคริสต์-ทารกที่เกิดใหม่นี้ - มนุษย์ไม่ได้เป็นคนชอบธรรมโดยตัวเขาเอง แต่โดยพระเจ้า
 
ความจริงได้บังเกิดขึ้นจากแผ่นดินโลก เพราะว่าองค์พระวจนาตถ์ได้บังเกิดเป็นมนุษย์ และความยุติธรรมมองลงมาจากสวรรค์ เพราะว่าของประทานดีๆทุกอย่างและของประทานที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างนั้นมาจากเบื้องบน
 
ความจริงได้บังเกิดขึ้นจากแผ่นดิน: เนื้อหนังจากมารีย์ และความยุติธรรมมองลงมาจากสวรรค์ เพราะว่ามนุษย์ไม่สามารถรับสิ่งใดได้,นอกจากสิ่งนั้นถูกประทานมาจากสวรรค์
 
โดยความเชื่อ, ขอให้เราอยู่อย่างสันติกับพระเจ้า เพราะความยุติธรรมและสันติสุขโอบกอดซึ่งกันและกันโดยอาศัยพระเยซูคริสต์,องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพราะว่าความจริงได้ขึ้นมาจากแผ่นดินโลก โดยทางพระองค์เราจึงสามารถได้รับพระหรรษทานที่ทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้ และความภูมิใจของเราก็อยู่ในความหวังที่จะได้รับสง่าราศีของพระเจ้า พระองค์ไม่ได้ตรัสว่า “สง่าราศีของท่าน” แต่เป็นสง่าราศีของพระเจ้า เพราะความยุติธรรมไม่ได้ออกมาจากเรา,แต่ได้มองลงมาจากสวรรค์ ดังนั้นผู้ที่มีสง่าราศีก็ให้ผู้นั้นมีสง่าราศีที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
 
ด้วยเหตุนี้, เมื่อพระเยซูประสูติจากพระนางพรหมจารีย์, ทูตสวรรค์จึงประกาศว่า: พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด และสันติสุขจงมีแด่มนุษย์ผู้มีจิตใจดี
 
เพราะจะมีสันติสุขในโลกได้อย่างไร เว้นแต่ความจริงจะได้บังเกิดขึ้นจากแผ่นดินโลก นั่นคือ เว้นแต่พระคริสต์ได้บังเกิดจากเนื้อหนังเช่นเดียวกับเรา? และพระองค์คือสันติสุขของเราที่ทำให้ทั้งสองคนรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อเราจะได้เป็นผู้ที่มีจิตใจดี, ผูกพันกันอย่างอ่อนหวานด้วยสายสัมพันธ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน
 
ให้เราชื่นชมยินดีในพระหรรษทานนี้ เพื่อว่าสง่าราศีของเราจะเป็นพยานถึงมโนธรรมที่ดีของเรา โดยที่สง่าราศีนั้นไม่ใช่ในตัวเราเอง,แต่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า นั่นคือเหตุผลที่พระคัมภีร์กล่าวว่า: พระองค์ทรงเป็นสง่าราศีของข้าพเจ้า, ผู้ซึ่งเงยหน้าขึ้น เพราะว่ามีพระหรรษทานใดที่ยิ่งใหญ่กว่าการที่พระเจ้าทรงโปรดประทานแก่เรา,โดยทรงให้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาเป็นบุตรของมนุษย์ แล้วบุตรของมนุษย์จะได้เป็นบุตรของพระเจ้าในที่สุด?
 
จงถามเถิดว่าสิ่งนี้สมควรหรือไม่ ถามเหตุผล ขอความชอบธรรม และดูว่าท่านจะพบคำตอบอื่นใดนอกจากมาจากพระหรรษทานอย่างแท้จริง มิใช่หรือ
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น