วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567

ช่วงเวลาแห่งความตายและชีวิตหลังความตาย

 
 

อิวานกา ผู้เห็นแม่พระแห่งเมดจูกอร์เย กล่าวว่าแม่พระบอกเธอว่า “ลูกไปสวรรค์โดยมีจิตสำนึกที่สมบูรณ์ครบถ้วน,สิ่งที่ลูกมีอยู่ในตอนนี้ เมื่อถึงเวลาแห่งความตาย ลูกยังคงมีสติรู้ถึงการแยกจากกันระหว่างร่างกายและวิญญาณ เป็นเรื่องเท็จที่จะสอนผู้คนว่าลูกสามารถเกิดใหม่หลายครั้งและวิญญาณผ่านไปยังร่างกายที่แตกต่างกัน คนหนึ่งเกิดมาเพียงครั้งเดียว ร่างกายที่มาจากดินย่อมเสื่อมสลายไปหลังความตาย มันจะไม่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง มนุษย์จะได้รับร่างกายที่เปลี่ยนสภาพไป(transfigured body)”
 
มาริจาแห่งเมดจูกอเรจ์กล่าว “และโดยอาศัยสาส์นที่พระนางทรงส่งมาถึงเรา พระนางทรงบอกว่าชีวิตของเราต้องเป็นดังเช่นดอกไม้ และเราอยู่ที่นี่เพียงเป็นทางผ่าน ชีวิตนิรันดร์เท่านั้นที่ไม่ผ่านพ้นไป
 
ด้วยเหตุผลดังกล่าว พระนางทรงกระตุ้นเตือนเรา และขอให้เราคิดถึงชีวิตฝ่ายวิญญาณและสวรรค์มากขึ้น พระนางทรงบอกว่า ชีวิตของเราจะแตกต่างออกไปมาก ทัศนคติของเราต่อชีวิตจะแตกต่างออกไปมากเมื่อเรานึกถึงชีวิตหลังจากชีวิตนี้ และเราจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่าชีวิตนี้เป็นเพียงการผ่านพ้นไปเหมือนดอกไม้และที่นี่ในโลกนี้เราอยู่ในเส้นทางที่ผ่านไป”
 
ชีวิตบนโลกนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และความเป็นนิรันดร์คือจุดหมายปลายทางของเรา
 
ที่เมดจูกอเรจ์,พระแม่มารีย์ทรงมีจุดประสงค์ที่จะแสดงให้ผู้เห็นแม่พระไม่ใช่เพียงแค่สวรรค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงนรกและไฟชำระด้วย
 
มาริจาบอกว่าสิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจว่าสวรรค์และนรกมีจริง : “พระนางอยากให้เราคิดถึงนรกและไฟชำระ พระนางทรงบอกว่าชีวิตของเราจะแตกต่างไปมาก ทัศนคติของเราต่อชีวิตจะแตกต่างไปมาก เมื่อเราคิดถึงชีวิตหลังจากนี้ และเราจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่าชีวิตนี้ผ่านไปเหมือนดอกไม้เท่านั้น นี่คือเหตุผลที่แม่พระกระตุ้นเตือนเรา: ขอให้ยินดีกับชีวิต….เพื่อเราจะได้ใช้ชีวิตอันแสนสั้นนี้ในความยินดี เพื่อเราจะได้เข้าใจดังที่พระคัมภีร์กล่าวไว้...เราอยู่บนเส้นทางที่เราเพียงแต่ผ่านไปเท่านั้น แม่พระทรงแสดงให้เห็นสวรรค์ นรก และไฟชำระ เพื่อแสดงให้เราตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง”
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น