วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2567

นักบุญยอแซฟองค์อุปถัมภ์ของผู้ใกล้ตาย

 


คริสตชนไม่เพียงแต่ต้องการผู้พิทักษ์ที่ทรงพลัง ซึ่งจะปกป้องและเสริมกำลังเขาจากอันตรายของการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ดุเดือดเท่านั้น เขายังต้องการเพื่อนสักคนหนึ่งที่จะปลอบโยนเขาและบรรเทาความเจ็บปวดแสนสาหัสในชั่วโมงสุดท้ายนั้น ใครมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำภารกิจที่จำเป็นเช่นนี้ ในชั่วโมงอันขมขื่นนั้น? มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น โอ ท่านนักบุญยอแซฟ! ผู้ที่ได้รับความสุขที่ได้เห็นพระเยซูและพระนางมารีย์คอยดูแลปลอบโยนท่านในเวลาที่ท่านใกล้เสียชีวิต
 
ดวงพระทัยอันสูงส่งทั้งสองนี้,ในขอบเขตของสภาพที่ยากจน,พยายามที่จะตอบแทนการรับใช้ทั้งหมดที่ท่านยอแซฟมอบให้ทั้งสองพระองค์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา,ด้วยความกระตือรือร้นและความรักมากมาย ในระหว่างการเจ็บป่วยครั้งสุดท้ายของท่านยอแซฟ,ทั้งสองพระองค์คอยดูแลท่านอย่างเต็มที่ และในลักษณะที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระเจ้ามนุษย์ และพระมารดาของพระองค์ สำหรับความสะดวกสบายต่างซึ่งไม่อาจมีได้ในความยากจนของทุกพระองค์ ทั้งสองพระองค์พยายามที่จะชดเชยให้ท่านด้วยความอ่อนโยนและความสงบที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมไปทั่วทั้งสวรรค์
 
กล่าวกันว่าในวันก่อนการเสียชีวิตของนักบุญยอแซฟ ทูตสววรค์คณะขับร้องประสานเสียงได้ลงมาจากสวรรค์เพื่อปลอบโยนและให้กำลังใจนักบุญยอแซฟด้วยการร้องเพลงอันแสนหวาน และหากพระเจ้าทรงยอมให้การปลอบประโลมในลักษณะเดียวกันนี้มีแก่ผู้รับใช้ของพระองค์จำนวนมาก พระองค์จะปฏิเสธพวกเขาต่อนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์,ต่อผู้พิทักษ์และบิดาบุญธรรมแห่งพระวจนาตถ์ที่จุติเป็นมนุษย์ได้อย่างไร เราได้ยินมาว่าในเวลาแห่งความตายของผู้น่าเคารพอิซาเบลลา(Venerable Isabella),แม่ชีคาร์เมไลท์, ทูตสวรรค์สี่องค์ได้ปลอบโยนท่านโดยยืนอยู่ที่มุมเตียงแต่ละมุม,ร้องเพลงด้วยพิณของพวกเขา โดยยกถ้อยคำจากอิสยาห์ (บทที่ 3): "จงกล่าวแก่ผู้ชอบธรรมว่า ทำดีแล้ว." แต่ถ้อยคำปลอบใจเหล่านี้ใช้กับใครได้ดีกว่านักบุญยอแซฟเล่า? พระจิตเจ้าเองทรงประทานภาพลักษณ์ของผู้ชอบธรรมแก่ท่านมิใช่หรือ? ดังนั้นด้วยความชอบธรรม, เหล่าทูตสวรรค์จึงกล่าวกับท่านดังนี้: "โอ ท่านยอแซฟผู้มีความสุข จงเร่งรีบไปสู่โลกที่ดีกว่าเถิด ความตายของท่านนั้นเป็นความตายของผู้ชอบธรรมจริงๆ เพราะท่านเพียงผู้เดียวที่อาจพูดว่า ข้าพเจ้าได้หายใจเอาวิญญาณเข้าไปสู่อ้อมกอดของพระองค์ผู้ทรงความยุติธรรมและความศักดิ์สิทธิ์,ของพระองค์ผู้ทรงเป็นบ่อเกิดและผู้ประทานชีวิต จงไปเถิด ท่านผู้เป็นอัยกาผู้สูงศักดิ์,ไปและแจ้งข่าวประเสริฐแห่งการไถ่บาปที่ใกล้จะมาถึง ดูเถิด บัดนี้,พวกเรากำลังจะทำมงกุฎดอกลิลลี่สำหรับคู่สมรสพรหมจรรย์, มงกุฎดอกกุหลาบสำหรับสมาชิกคนแรกที่ถูกข่มเหงของพระศาสนจักรของพระคริสต์ และมงกุฎดวงดาวที่สุกใสสำหรับบิดาผู้รับพระผู้ไถ่เป็นบุตรบุญธรรม ท่านผู้เหนือกว่าเรามาก ด้วยคุณธรรมและสิทธิพิเศษทั้งปวงเราไปเตรียมบัลลังก์ใกล้กับที่ที่พระมารดาพรหมจารีย์ของท่านจะครอบครอง ท่านยอแซฟผู้มีความสุขสามครั้ง ยิ่งใหญ่กว่าผู้ใดในสวรรค์,มากกว่าผู้เฒ่าโจเซฟในสมัยก่อนในราชสำนักของฟาโรห์ ท่านจะอยู่ที่นั่น เป็นเจ้าหน้าที่คนแรกในราชสำนักขององค์ผู้สูงสุด ผู้แจกจ่ายทรัพย์สมบัติของพระองค์ ผู้พิทักษ์พระศาสนจักร และผู้วิงวอนแทนและผู้อุปถัมภ์ของคริสตชนทุกคน”
 
แต่ถ้าการขับร้องประสานเสียงของทูตสวรรค์พิสูจน์ให้เห็นถึงความยินดีและการปลอบโยนแก่นักบุญยอแซฟในช่วงเวลาสุดท้ายของท่าน ใครเล่าจะสามารถสัมผัสถึงความยินดีของจิตวิญญาณของท่านเมื่อได้ยินพระวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู? นักบุญเบอร์นาดีนแห่งเซียนนา กำลังใคร่ครวญถึงการมรณกรรมอย่างมีความสุขของนักบุญยอแซฟ และบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ก็เข้าร่วมด้วย ไม่สามารถหาภาษาใดมาบรรยายถึงการปลอบโยน, แสงสว่างเหนือธรรมชาติ, ความอ่อนล้า, และความปีติยินดีแห่งความรักซึ่งดวงวิญญาณผู้ได้รับพระพรนี้ได้รับ เพื่อเป็นการตอบแทนการลูบไล้ด้วยความรักซึ่งพระเยซูทรงได้รับในวัยเด็กจากบิดาผู้บริสุทธิ์และอ่อนโยนนี้ บัดนี้พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงความรักและความเห็นอกเห็นใจในสภาวะทนทุกข์ของท่านนักบุญ ทรงเอ่ยถึงความอ่อนโยนแห่งความรักของท่านนักบุญในยามถูกทดลอง,ความตาย. สำหรับการงานที่ผ่านมาของท่านนักบุญ,พระเยซูทรงซึมซับความสุขภายในเข้าสู่จิตวิญญาณของบิดาบุญธรรมของพระองค์ สำหรับน้ำตาทั้งหมดที่หลั่งไหลเพื่อพระองค์, พระองค์จึงทรงตอบแทนท่านด้วยการปลอบโยนแห่งสวรรค์มากมาย สำหรับความปวดร้าวและความโดดเดี่ยวที่ท่านต้องทน,พระองค์ประทานคำมั่นสัญญาอันมั่นคงแห่งความมั่นใจและสันติสุขมากมายแก่ท่าน ขณะที่พระองค์ทรงใช้พระหัตถ์ข้างหนึ่งประคองศีรษะที่อ่อนแอของท่าน พระองค์ทรงวางพระหัตถ์อีกข้างองค์ไว้บนอุระซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระกุมารอันศักดิ์สิทธิ์ และให้ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แทรกซึมในหัวใจของท่าน
 
แล้วพระแม่มารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมลก็กล่าวขอบคุณคู่สมรสที่รักของพระนางสำหรับมิตรภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน, ความเอาใจใส่ที่ไม่ย่อท้อและความอ่อนโยนในเรื่องของพระนาง และคำพูดของพระนางต่อท่านนักบุญที่กำลังจะสิ้นใจเป็นดังลูกศรแห่งความรักที่สิ้นสุดการดำรงอยู่ของท่าน ซึ่งบางคนกล่าวว่าการตายของนักบุญยอแซฟนั้นเกิดจากความรุนแรงและความเร่าร้อนในความรักของท่านเท่านั้น! อย่างไรก็ตาม, ในกรณีนี้อาจเป็นเช่นนั้น ครั้งหนึ่งพระศาสนจักรเปรียบเทียบการตายของท่านกับการหลับใหลอย่างสงบของเด็กเพลิดเพลินอยู่บนอกของแม่ เป็นเทียนหอมซึ่งค่อยๆมอดไปในขณะที่กำลังไหม้,มีกลิ่นหอมอันหอมหวานฟุ้งกระจายไปทั่ว การตายของนักบุญทุกคนเป็นเรื่องของความอิจฉาอันศักดิ์สิทธิ์ เพราะพวกเขาทั้งหมดตายในอ้อมกอดของพระเจ้าของเรา แต่สิ่งนี้สามารถพูดถึงพวกเขาได้ในลักษณะทางจิตวิญญาณเท่านั้น และแสดงถึงความรักที่ผูกพันกันอย่างใกล้ชิดซึ่งผูกมัดพวกเขาไว้กับพระเยซูเจ้า นักบุญยอแซฟสิ้นใจในอ้อมกอดของพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง เพราะท่านหายใจครั้งสุดท้ายในอ้อมแขนของพระเยซู และรับพระพรและอ้อมกอดครั้งสุดท้ายของพระองค์ ท่านจะยุติชีวิตที่บริสุทธิ์อย่างมีค่าด้วยการกล่าวพระนามอันไพเราะของพระเยซูและพระนางมารีย์บ่อยครั้ง โอ้ ความตายอันศักดิ์สิทธิ์! ถ้าพวกเราไม่สามารถมีความสุขจากการหายใจครั้งสุดท้ายในอ้อมแขนของพระเยซูและพระนางมารีย์ได้ อย่างน้อยก็ขอให้เราได้เอ่ยพระนามของพระองค์ด้วยริมฝีปากที่กำลังจะตาย โอ ท่านนักบุญยอแซฟผู้ยิ่งใหญ่และได้รับสิทธิพิเศษ!
 
ความผูกพันแห่งความรักซึ่งรวมพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์นี้และพระบุตรศักดิ์สิทธิ์เข้ากับยอแซฟผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้หมดสิ้นไปด้วยการสิ้นใจของท่านยอแซฟ ทั้งสองพระองค์หลับตาลงด้วยความปวดร้าว และทรงหลั่งน้ำตาให้กับท่าน แน่นอนว่าความรักที่พระองค์ทรงมีต่อท่านยอแซฟนั้นอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา,มากกว่าความรักที่พระองค์ทรงรู้สึกต่อลาซารัสเพื่อนของพระองค์! น้ำตาของพระองค์ ณ ที่ฝังศพของลาซารัสทำให้ผู้คนประหลาดใจ และพูดว่า "ดูเถิด พระองค์ทรงรักเขามากเพียงใด" มันไม่สมเหตุสมผลเลยหรือที่จะคิดว่าความโศกเศร้าในเวลานั้นยิ่งใหญ่นัก เพราะท่านยอแซฟซึ่งไม่เป็นแต่เพียงเพื่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้พิทักษ์และบิดาบุญธรรมของพระองค์ด้วย เพื่อว่าคนที่มาเยี่ยมศพของนักบุญยอแซฟจะได้พูดถึงพระเยซูด้วยว่า: "ดูเถิด พระองค์ทรงรักเขามากสักเพียงใด" (ยอห์น 11)
 
กล่าวกันว่า พระเยซูเองทรงชำระล้างร่างบริสุทธิ์นี้ พระองค์ทรงวางพระหัตถ์เหนืออก และหลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงอวยพร เพื่อรักษาร่างนี้ไว้ไม่ให้เน่าเปื่อยในอุโมงค์ ทรงสั่งให้เหล่าทูตสวรรค์เฝ้ารักษาไว้จนกว่าถึงเวลา วางร่างไว้ในสุสานบรรพบุรุษของท่าน ระหว่างภูเขาซีออนและภูเขามะกอกเทศ ความคิดเห็นทั่วไปคือนักบุญยอแซฟเสียชีวิตเมื่ออายุประมาณหกสิบปี และก่อนที่พระเยซูเจ้าจะออกจากนาซาเร็ธเพื่อรับศีลล้างด้วยน้ำจากนักบุญยอห์นผู้ให้บัพติศมา
 
จากทั้งหมดนี้ อาจสรุปได้ว่าคริสตชนทุกคนควรเลือกนักบุญยอเซฟเป็นองค์อุปถัมภ์ในช่วงเวลาแห่งความตายที่สำคัญและหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นเป็นความชอบธรรมและสมเหตุสมผลเพียงใด บิดาแห่งองค์พระผู้พิพากษา ซึ่งจะบรรเทาพระพิโรธของพระเจ้า ผู้พิชิตเหล่ามารร้าย การปรากฏกายของท่านจะขับไล่พวกมันออกจากเตียงแห่งความตาย ผู้ซึ่งได้รับความโปรดปรานในเวลาแห่งความตายที่มีความสุขและสงบสุขที่สุดเท่าที่เคยมีมา ท่านนักบุญจะไม่มาพร้อมกับคู่สมรสผู้ศักดิ์สิทธิ์ของท่านหรือ เพื่อช่วยเหลือคริสตชนเหล่านั้นในชั่วโมงแห่งความตายที่จะวิงวอนและแสดงตัวว่าเป็นผู้รับใช้ที่ศรัทธาของท่านตลอดชีวิต? ดังนั้น เมื่อเราทุกคนต้องตาย เราทุกคนควรเร่งรีบในขณะที่ยังมีเวลา เพื่อรับความคุ้มครองจากนักบุญยอแซฟในฐานะองค์อุปถัมภ์ของเราในเวลาที่เราจะเสียชีวิต พระศาสนจักรแนะนำให้เราทำเช่นนั้นในเพลงสรรเสริญซึ่งเฉลิมฉลองการตายอย่างมีความสุขของท่านนักบุญไปสู่โลกที่ดีกว่า พระศาสนจักร,ในฐานะลูกผู้เชื่อฟังของพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์นี้ ขอให้เราทำตามความปรารถนาของพระศาสนจักรด้วยความยินดี ในการรอคอยชั่วโมงอันน่าสะพรึงกลัวนั้น อย่าพลาดที่จะเรียกหาผู้พิทักษ์ของเรา,ท่านนักบุญยอแซฟผู้ศักดิ์สิทธิ์ในเดือนสิงหาคมบ่อยๆ ด้วยความกระตือรือร้นในชีวิตของเรา
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น