วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

การจำศีลอดอาหาร

 



“เมื่อท่านทั้งหลายจำศีลอดอาหาร จงอย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาทำหน้าหมองคล้ำ เพื่อแสดงให้ผู้คนรู้ว่าเขากำลังจำศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อจำศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้น้ำมันหอมใส่ศีรษะ เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำลังจำศีลอดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็จะประทานบำเหน็จให้ท่าน” (มัทธิว 6:16-18)
 
ในทุกวันนี้,หลายๆคนละทิ้งการจำศีลอดอาหาร การจำศีลอดอาหารเป็นการปฏิบัติกิจใช้โทษบาปเพื่อการสำนึกผิดที่ทรงพลังซึ่งให้ประโยชน์มากมายแก่จิตวิญญาณ การปฏิเสธตนเองด้วยการอดอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด โดยเลือกอาหารง่ายๆแทนเป็นครั้งคราว เช่น ขนมปังและน้ำ หรืออาหารในปริมาณที่น้อยลง จะทำให้จิตวิญญาณเข้มแข็งขึ้นอย่างมากและทำให้เราได้รับพระพรฝ่ายจิตมากมาย บ่อยครั้งมากที่เราดำเนินชีวิตเพื่อความพึงพอใจทางเนื้อหนังและติดบ่วงของการพยายามปล่อยใจไปตามความอยากของเรา แต่การทำเช่นนั้นมีผลเสีย,เพราะมันล่อลวงเราให้ละเลยความปรารถนาฝ่ายวิญญาณในเรื่องความบริสุทธิ์ซึ่งสำคัญมากกว่า โดยการละทิ้งความสุขทางประสาทสัมผัสเป็นครั้งคราว, เราจึงมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะแสวงหาความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนซึ่งมาจากพระหรรษทานของพระเจ้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจึงควรจำศีลอดอาหารเป็นประจำและปฏิเสธตนเองในรูปแบบต่างๆ เช่นอาจอดอาหารในวันพุธและวันศุกร์ เป็นต้น
 
คุณอดอาหารบ้างหรือไม่? คุณปฏิเสธตนเองบ้างหรือไม่? การสวดภาวนาทุกวัน,การอ่านพระคัมภีร์ การอ่านและเรียนรู้ชีวิตของนักบุญ,และการรับศีลมหาสนิทเป็นประจำ ล้วนนำเราเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้นและทำให้เราบริสุทธิ์ แต่การอดอาหารและการปฏิเสธตนเองก็มีความสำคัญมากเช่นกัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่เราต้องพยายามยอมรับสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตฝ่ายวิญญาณของเรา
 
ในพระวรสารตอนนี้, พระเยซูทรงเรียกเราให้แสวงหารางวัลภายในที่มาจากการอดอาหารและการปฏิเสธตนเอง พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่าถ้าเราใช้การอดอาหารเป็นวิธีเพื่อได้รับคำชมเชยจากผู้อื่น เราก็จะสูญเสียประโยชน์ฝ่ายวิญญาณ การสวดภาวนา,การอดอาหาร,และการให้ทานจะต้องกระทำในลักษณะที่ซ่อนเร้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้การกระทำของเรามีความจริงใจอย่างแท้จริง และไม่กระทำเพื่อรับรางวัลทางโลกจากการชื่นชมของผู้อื่น
 
นอกจากนี้,บทเรียนที่สอนในพระวรสารตอนนี้สามารถประยุกต์ใช้กับชีวิตด้านอื่นๆ ของเราได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือไม่สบายตัว แน่นอนว่าคุณควรไปพบแพทย์ แต่ความเจ็บป่วยทางกายเหล่านี้ยังเปิดโอกาสให้เราเติบโตฝ่ายวิญญาณได้อีกต้วย เมื่อคุณยอมรับสิ่งนี้อย่างเงียบๆโดยถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า แม้แต่ความเจ็บปวดหรือความไม่สบายใจของเราก็สามารถเปลี่ยนเป็นพระหรรษทานได้ถ้าเราเลือกที่จะโอบรับมันด้วยความยินดี ถวายมันแด่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชา และเก็บมันไว้กับตัวเราเป็นพระพรที่ถวายแด่พระเจ้าอย่างเงียบๆ
 
วันนี้,ขอให้คุณใคร่ครวญถึงการอดอาหารของคุณ ในการถวายเครื่องบูชาภายในแด่พระเจ้าอย่างเงียบๆ หากคุณทนทุกข์ทรมานจากไม้กางเขนในแต่ละวันซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ ให้ลองเปลี่ยนไม้กางเขนนั้นให้เป็นเครื่องบูชาฝ่ายวิญญาณแด่พระเจ้า และหากคุณสามารถจำศีลอดอาหารได้อย่างอิสระเป็นประจำ ก็ให้พยายามสวดภาวนาร่วมกับการปฏิบัตินี้ พยายามทำทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะวันศุกร์ เพื่อเป็นเกียรติแก่วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขนในวันนี้ อย่าดูถูกคุณค่าของการเสียสละที่ซ่อนอยู่เหล่านี้ ทำให้สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฝ่ายวิญญาณของคุณเป็นประจำ แล้วพระเจ้าจะประทานความร่ำรวยฝ่ายวิญญาณมากมายจากสวรรค์แก่คุณ
 
ข้าแต่พระเยซูเจ้า, พระองค์ทรงปฏิเสธพระองค์เองจากความยินดีฝ่ายโลกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระองค์ทรงอดอาหารเป็นเวลาสี่สิบวันในถิ่นทุรกันดาร ขอทรงช่วยให้ข้าพเจ้าจำศีลอดอหารและปฏิเสธความพึงพอใจฝ่ายโลกอย่างจริงจัง และช่วยให้ข้าพเจ้าทำอย่างซ่อนเร้น ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นการเลียนแบบการเสียสละอันสมบูรณ์แบบของพระองค์ เพื่อข้าพเจ้าจะได้เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นทุกวัน พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์
 
@Catholic 4 Life
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น