วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2567

โลกอายุน้อยหรือโลกอายุมาก

 
 

สองทฤษฏีที่ขัดแย้งกัน
 
1. ทฤษฏี Young Earth Creationism (YEC) เป็นรูปแบบทฤษฏีหนึ่งของการเนรมิตสร้างโลกซึ่งถือเป็นหลักคำสอนที่โลกและสิ่งมีชีวิตของมันถูกสร้างขึ้นโดยการกระทำเหนือธรรมชาติของพระเจ้าของอับบราฮัมเมื่อประมาณ 6,000 ถึง 10,000 ปีก่อน เป็นความคิดที่แพร่หลายที่สุด YEC มีพื้นฐานอยู่บนความเชื่อทางคริสศาสนาและเรื่องความไม่มีข้อผิดพลาดของการตีความตามตัวอักษรบางประการในหนังสือปฐมกาล ผู้ที่เชื่อในทฤษฏีนี้คือ ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และชาวยิวที่เชื่อตามตัวอักษรว่าพระเจ้าทรงสร้างโลกภายในหกวัน
 
2. ทฤษฏีโลกอายุเก่าแก่ old Earth creationism (OEC) ซึ่งเป็นการตีความตามตัวอักษรของปฐมกาลให้สอดคล้องกับอายุของโลกและจักรวาลที่ทางวิทยาศาสตร์ได้กล่าวอ้าง และวิวัฒนาการเทวนิยม(theistic evolution) ซึ่งใช้หลักการทฤษฏีวิวัฒนาการ(evolution), ทฤษฏีบิ๊กแบง, ทฤษฏีการสร้างสิ่งมีชีวิต(abiogenesis), ทฤษฎีเนบิวลาสุริยะ, อายุของจักรวาล, และอายุของโลก ให้เข้ากันได้กับการตีความเชิงเปรียบเทียบของเรื่องราวการสร้างโลกในพระคัมภีร์ปฐมกาล
 
หลักฐานหกประการเกี่ยวกับโลกอายุน้อยของ Young Earth Creationism (YEC)
 
หากไม่มีเวลานับล้านและพันล้านปี ประวัติศาสตร์ตามทฤษฏีวิวัฒนาการ(evolutionary history)ก็จะล่มสลายไปโดยสิ้นเชิง เพราะทฤษฏีวิวัฒนาการมีหลักสำคัญคือระยะเวลาวิวัฒนาการของทุกสิ่งนั้น,ใช้เวลานับล้านปี ต่อไปนี้เป็นเพียงหลักฐานบางส่วนจากหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่นำมาจากสาขาวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่เล่าถึงโลกที่อายุน้อยกว่าที่นักวิวัฒนาการอ้างไว้มาก
 
หลักฐานที่ 1 ธรณีวิทยา: เรดิโอคาร์บอน
การหาอายุโดยวิธีคาร์บอน-14 ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดบางประการสำหรับการเนรมิตสร้างโลกและโลกอายุน้อย เรดิโอคาร์บอน (คาร์บอน-14) ไม่สามารถคงอยู่ในสารตามธรรมชาติได้นานหลายล้านปี เพราะมันสลายตัวค่อนข้างเร็ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถใช้เพื่อรองรับ “อายุ” ในช่วงนับหมื่นปีเท่านั้น
 
หลักฐานที่ 2 ดาราศาสตร์: การถอยห่างของดวงจันทร์ 
แรงดึงดูดของดวงจันทร์ทำให้เกิด “น้ำขึ้นน้ำลง” บนโลก ซึ่งทำให้ดวงจันทร์หมุนวนออกไปด้านนอกอย่างช้าๆ ด้วยเหตุนี้ ดวงจันทร์จึงน่าจะอยู่ใกล้โลกมากขึ้นในอดีต จากแรงโน้มถ่วงและอัตราการถดถอยในปัจจุบัน เราสามารถคำนวณได้ว่าดวงจันทร์เคลื่อนตัวออกไปมากน้อยเพียงใดเมื่อเวลาผ่านไป
 
หากโลกมีอายุเพียง 6,000 ปี ก็ไม่มีปัญหา เพราะในเวลานั้นดวงจันทร์จะเคลื่อนห่างออกไปเพียงประมาณ 800 ฟุต (250 เมตร) เท่านั้น แต่หนังสือดาราศาสตร์ส่วนใหญ่สอนว่าดวงจันทร์มีอายุมากกว่าสี่พันล้านปี ซึ่งก่อให้เกิดภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่สำคัญ—เพราะถ้าหากโลกมีอายุราว 1.5 พันล้านปีดวงจันทร์คงจะอยู่ใกล้จนแตะพื้นโลกเลยทีเดียว! ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
 
หลักฐานที่ 3 ธรณีวิทยา: การเสื่อมลงของสนามแม่เหล็กโลก 
เช่นเดียวกับดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ โลกมีสนามแม่เหล็กที่กำลังสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขณะนี้เราสามารถวัดอัตราที่พลังงานแม่เหล็กหมดแรงลง และพัฒนาแบบจำลองเพื่ออธิบายข้อมูลได้ นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้น "แบบจำลองไดนาโม"(dynamo model) ของแกนกลางโลกเพื่ออธิบายว่าสนามแม่เหล็กสามารถคงอยู่ได้ในช่วงเวลาอันยาวนานเช่นนี้ได้อย่างไร แต่แบบจำลองนี้ไม่สามารถอธิบายข้อมูลสำหรับการสลายอย่างรวดเร็วและการพลิกกลับอย่างรวดเร็วที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา. (ไม่สามารถอธิบายสนามแม่เหล็กของดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ เช่น ดาวเนปจูนและดาวพุธ)
 
อย่างไรก็ตาม แบบจำลองการเนรมิตสร้างโลก (อ้างอิงจาก Genesis Flood) อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดาย โดยให้หลักฐานอันน่าทึ่งว่าโลกมีอายุเพียงพันปีเท่านั้น ไม่ใช่พันล้านปี
 
หลักฐานที่ 4 ชีววิทยา: เนื้อเยื่ออ่อนของไดโนเสาร์ 
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีการค้นพบมากมายเกี่ยวกับวัสดุทางชีวภาพที่ "ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างน่าอัศจรรย์" ในชั้นหินและฟอสซิลโบราณที่เชื่อกันว่าเป็น การค้นพบอย่างหนึ่งที่ทำให้นักวิวัฒนาการต้องดิ้นรนคือฟอสซิลกระดูกโคนขาไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ที่มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ยืดหยุ่น หลอดเลือดที่แตกแขนง และแม้แต่เซลล์ที่ไม่เน่าเปื่อย!(เพราะฝังอยู่ในชั้นน้ำแข็ง)
 
ตามที่นักวิวัฒนาการกล่าวไว้ เนื้อเยื่อไดโนเสาร์เหล่านี้มีอายุมากกว่า 65 ล้านปี แต่การศึกษาในห้องปฏิบัติการแสดงให้เห็นว่าไม่มีทางและไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับวัสดุทางชีวภาพที่จะคงอยู่ได้นานกว่าหลายพันปี
 
เป็นไปได้ไหมที่นักวิวัฒนาการคิดผิดอย่างสิ้นเชิงว่าไดโนเสาร์เหล่านี้มีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน?
 
หลักฐานที่ 5 มานุษยวิทยา: การเติบโตของประชากรมนุษย์ 
น่าทึ่งมากที่คณิตศาสตร์พื้นฐานสามารถแสดงให้เราเห็นเกี่ยวกับอายุของโลกได้ เราสามารถคำนวณระยะเวลาการดำรงอยู่ของมนุษย์โดยจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นสองเท่าทุกๆ 150 ปี (เป็นตัวเลขที่ถือว่าอนุรักษ์นิยมมาก) เพื่อประมาณว่าประชากรโลกควรเป็นอย่างไรหลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ
 
อายุของโลกตามพระคัมภีร์ (ประมาณ 6,000 ปี) สอดคล้องกับจำนวนที่ได้จากการคำนวณดังกล่าว ตรงกันข้าม, วิวัฒนาการ(แบบอนุรักษ์นิยมแล้ว)ซึ่งบอกว่าโลกมีอายุ 50,000 ปีกลับให้ค่าจำนวนประชากรในปัจจุบันเป็นเลข 10 ยกกำลัง 99 ที่น่าตกใจและสูงอย่างเหลือเชื่อ—มากกว่าจำนวนอะตอมในจักรวาล!
 
เห็นได้ชัด คำกล่าวอ้างที่ว่ามนุษย์อาศัยอยู่บนโลกมาหลายหมื่นปีนั้นเป็นเรื่องเหลวไหล!
 
หลักฐานที่ 6 ธรณีวิทยา: ชั้นหินที่ซ้อนทับกันแน่น 
เมื่อหินแข็งโค้งงอ โดยปกติจะแตกและหัก หินสามารถโค้งงอได้โดยไม่แตกหักเมื่อถูกทำให้อ่อนลงด้วยความร้อนจัด (ซึ่งทำให้เกิดการตกผลึกซ้ำ) หรือเมื่อตะกอนยังไม่แข็งตัวเต็มที่ มีสถานที่หลายแห่งทั่วโลก (รวมถึงแกรนด์แคนยอนอันโด่งดัง) ที่เราสังเกตเห็นชั้นหินขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับเหมือนพับไว้อย่างแน่นหนา โดยไม่มีหลักฐานว่าตะกอนถูกทำให้ร้อน นี่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับนักวิวัฒนาการที่เชื่อว่าชั้นหินเหล่านี้ค่อยๆ ถูกวางลงเมื่อเวลาผ่านไปยาวนาน ก่อให้เกิดบันทึกทางธรณีวิทยา อย่างไรก็ตาม มันสมเหตุสมผลอย่างยิ่งสำหรับการเนรมิตสร้างโลกที่เชื่อว่าชั้นต่างๆ เหล่านี้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงน้ำท่วมโลกที่อธิบายไว้ในปฐมกาล
 
อายุของโลกมีความสำคัญหรือ? 
แม้ว่าหลักฐานแต่ละข้อจะเผยให้เห็นเหตุผลว่าทำไมโลกมีอายุไม่ถึงพันล้านปี แต่ประเด็นที่แท้จริงไม่ใช่อายุของโลก แต่ปัญหาที่แท้จริงคือพระวาจาที่ไม่มีข้อผิดพลาดของพระเจ้าที่จะต้องเป็นความเชื่อที่หยั่งลึกในจิตใจของเรา ไม่ใช่รากฐานของการให้เหตุผลของมนุษย์ที่คลุมเคลือไม่มั่นคง เรากำลังพยายามที่จะใช้วิธีการตีความโลก (เช่น วิวัฒนาการ) ของบรรดานักวิวัฒนาการให้เข้ากับพระคัมภีร์ หรือเราจะใช้พระวาจาของพระเจ้าที่ตรัสด้วยพระองค์เองผ่านทางพระคัมภีร์ปฐมกาล?
 
หากเราไม่เชื่อในบทแรกของปฐมกาล, เราจะมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าเป็นหนทางเดียวแห่งความรอดได้หรือ? (โรม 10:9; กิจการ 4:12; ยอห์น 14:6)
 
แต่เมื่อเราถือว่าพระคัมภีร์เป็นพระวาจาของพระเจ้า, เป็นที่ชัดเจนว่าโลกมีอายุไม่เกินสองสามพันปี และจากมุมมองของพระคัมภีร์ แม้แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ก็เห็นด้วย!
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น