วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2567

คุณธรรมความยากจน

 
 
คุณธรรมที่จะไม่เข้าสู่สวรรค์
 
เมื่อพระเจ้าขอให้เราละทิ้งบางสิ่งที่เราเป็นเจ้าของ, พระองค์จะทรงตอบแทนสิ่งนั้นอย่างล้นเหลือในภายหลัง เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้ว่าการเป็นผู้ “มีใจยากจน” ในชีวิตนี้นั้น เขาจะได้รับ “สมบัติในสวรรค์”
 
ธรรมชาติของมนุษย์ที่เปราะบางของเรามีกฎสองข้อที่ขัดแย้งกันอยู่ภายใน นั่นคือกฎของเนื้อหนังและกฏของวิญญาณ เมื่อเราต้องการทำความดี ความชั่วก็ปรากฏแก่เรา เมื่อเราต่อสู้เพื่อคุณธรรม, ความปรารถนาในสิ่งที่เรายึดติดก็เชื้อเชิญให้เราทำบาป นักบุญเปาโล จึงพูดว่า "ข้าพเจ้าจึงพบกฏนี้ว่า เมื่อใดที่ข้าพเจ้าอยากทำดี เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ" (โรม 7:21-23)
 
เนื่องจากเราต้องเผชิญกับความขัดแย้งที่ยากลำบากนี้ หนทางเดียวสู่ความรอดของเราคือการต่อสู้กับความชั่วร้ายในตัวเรา และเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการต่อสู้นี้ พระเจ้าได้ประทานอาวุธอันทรงพลังแก่เรา ซึ่งได้แก่ การอธิษฐานภาวนา, การเฝ้าระมัดระวัง, การมีใจเมตตากรุณา, และมีจิตใจร่าเริงในท่ามกลางคุณธรรมอื่นๆ อีกมากมาย
 
บัดนี้ เช่นเดียวกับที่ทหารไม่ถืออาวุธทั้งหมดสำหรับต่อสู้ในระหว่างการเดินขบวนแห่ชัยชนะ อาวุธสำหรับต่อสู้ฝ่ายวิญญาณบางส่วนเหล่านี้จะไม่ติดตามเราไปสู่ความสุขชั่วนิรันดร์ด้วย เพราะมันจะใช้งานไม่ได้อีกต่อไป นี่เป็นกรณีของคุณธรรมความยากจน
 
ความจำเป็นของบาปกำเนิด
 
ก่อนที่จะเกิดบาปแรกขึ้น, อาดัมและเอวาไม่เคยทนทุกข์จากความวุ่นวายในกิเลสใดๆ ความปรารถนาของพวกเขามักจะขึ้นอยู่กับเหตุผลเสมอ, ซึ่งขึ้นตรงต่อความเชื่อ,โดยอาศัยพระพรแห่งความซื่อสัตย์ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถปฏิบัติคุณธรรมได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามหรือการต่อสู้ใดๆ และไม่มีความโน้มเอียงไปในทางความชั่วภายในจิตใจของพวกเขาเลย พวกเขาหลุดพ้นจากสิ่งชั่วทั้งหลาย พวกเขาสามารถเพลิดเพลินกับความมหัศจรรย์ทั้งหมดของสวรรค์ ซึ่งเหมือนกับ "อัลบั้มภาพนิมิต" ของพระเจ้า โดยผ่านทางสิ่งเหล่านี้ พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ร่วมกับพระผู้สร้างพวกเขาด้วยจิตวิญญาณแห่งการพินิจใคร่ครวญ
 
“การต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว”,โดย Victor Orsel – Fine Arts Museum, Lyon (France)
 
อย่างไรก็ตาม เพื่อทดสอบพวกเขาและเพื่อสวมมงกุฎพวกเขาด้วยบุญกุศล, พระเจ้าทรงยอมให้งู(ซาตานที่ปลอมตัว)เข้าไปในสวนสวรรค์และล่อลวงพ่อแม่คู่แรกของเราให้ทำบาปกำเนิด พวกเขาถูกล่อลวงด้วยความพึงพอใจผิดๆว่าการกินผลไม้ต้องห้ามในสวนแห่งความรื่นรมย์นั้นจะนำสิ่งดีๆมาสู่พวกเขา พวกเขาจึงทำบาปและถูกสาปแช่ง ลูกหลานของพวกเขาทั้งหมดจึงต้องทำสงครามภายในจิตใจตลอดเวลาเพื่อต่อต้านความโน้มเอียงไปในทางชั่วร้ายของตนเอง
 
ในความจริงที่เกิดขึ้นใหม่นี้, สิ่งสร้างทั้งหลาย,ซึ่งก่อนหน้านี้สำหรับพวกเขา,เป็นตัวแทนที่เชื่อมโยงกับพระผู้สร้าง, ได้เข้ามาคุกคามพวกเขาด้วยความตกต่ำ กิเลสที่หาสมดุลไม่ได้ของพวกเขาทำให้พวกเขามีความเห็นแก่ตัว - และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงปราศจากจุดประสงค์เหนือธรรมชาติ พอใจแต่เพียงความสนุกสนานในทุกสิ่ง และกลายเป็นภาระที่ผูกมัดพวกเขาไว้กับโลกและด้วยเหตุนี้จึงลากพวกเขาไปสู่ความพินาศ
 
ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงจำเป็นต้องควบคุมการใช้สิ่งของทางวัตถุของตน และบ่อยครั้งถึงขั้นที่ต้องละทิ้งสิ่งเหล่านั้น เพื่อจะได้ควบคุมหัวใจของตนได้
 
คุณธรรมคาทอลิกอันล้ำเลิศ
 
ภายในบริบทของการต่อสู้ภายในนี้ การปฏิบัติในเรื่องความยากจนช่วยฝึกจิตวิญญาณให้หันไปหาพระเจ้าในขณะที่มนุษย์กำลังเดินทางแสวงบุญในหุบเขาแห่งน้ำตานี้ คุณธรรมความยากจนไม่ใช่เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับนักบวชเท่านั้น,อย่างที่บางคนคิด แต่ยังเหมาะสมกับทุกคนที่ปรารถนาจะได้รับความรอดอีกด้วย
 
อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้เสมอว่าคุณธรรมนี้ประกอบด้วยสภาวะแห่งวิญญาณ การขาดแคลนสิ่งของทางวัตถุเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ, แต่ก็เป็นสิ่งขาดไม่ได้ ดังที่พระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 กล่าว: “ความยากจนที่เรากำลังพูดถึงในที่นี้เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางวัตถุ ความยากจนทางวัตถุเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเป็นการไถ่กู้ได้ […] จิตใจของผู้ที่ไม่มีสิ่งใดเลยอาจจะแข็งกระด้าง, ถูกวางยาพิษ, และชั่วร้าย ภายในอาจเต็มไปด้วยความโลภที่จะครอบครอง, หลงลืมพระเจ้า, และโลภในทรัพย์สมบัติภายนอก” คนยากจนฝ่ายวิญญาณที่พระวรสารพูดถึง (เปรียบเทียบ มธ. 5: 3 ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข) ไม่ใช่คนที่ยากจนขัดสนมากนักที่เหมือนกับคนที่แยกตัวออกจากสิ่งของทางโลกอย่างแท้จริง และใช้สิ่งของทางโลกราวกับว่าไม่ได้ใช้มัน ด้วยความมั่นใจว่าสิ่งเหล่านั้นกำลังจะสูญสลายไป (เปรียบเทียบ โครินทร์. 7:29-31)
 
กล่าวโดยย่อ ความยากจนฝ่ายจิตวิญญาณ “เป็นหนึ่งในคุณธรรมคาทอลิกอันล้ำเลิศ เพราะเพื่อที่จะทำตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอย่างสมบูรณ์” ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายอันสูงสุดของเรา “เราต้องแยกตัวออกจากทุกสิ่งที่เราครอบครอง มิฉะนั้น เมื่อเราถูกขอให้ละทิ้งสิ่งที่เรายึดถือ,สิ่งที่เรารัก เพื่อเห็นแก่การรับใช้พระเจ้า มันจะยากกว่ามากสำหรับเราที่จะปฏิบัติตามแผนการอันศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งกว่า”
 
รักพระเจ้าในสิ่งสร้างทั้งหลาย
 
การดำเนินชีวิตในคุณธรรมความยากจนในลักษณะนี้จำเป็นต้องอาศัยความโน้มเอียงฝ่ายจิตที่สำคัญมาก
 
ต้องเข้าใจว่าแก่นแท้ของชีวิตคริสตชนประกอบด้วยความรักพระเจ้า ไม่เพียงเหนือสิ่งอื่นใดเท่านั้น แต่เหนือทุกสิ่งด้วย และสิ่งนี้ต้องได้รับการฝึกฝน เช่นเดียวกับสภาวะในสวนสวรรค์ก่อนที่จะเกิดบาป เราต้องใช้สิ่งสร้างเพื่อยกจิตใจเราขึ้นหาพระเจ้าและรับใช้พระองค์
 
ถ้าหากการไม่ยึดติดกับทุกสิ่งนี้ควบคุมความปรารถนาของเรา เราก็จะรู้จักละทิ้งสิ่งของที่เป็นอุปสรรคบนเส้นทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และไม่ยึดติดกับทุกสิ่งซึ่งถึงแม้มีประโยชน์และจำเป็นต่อเรา
 
แน่นอนว่าการต่อสู้ฝ่ายจิตเพื่อการไม่ยึดติดนั้นยากลำบากอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามมันจะไม่คงอยู่ตลอดไป ผู้ที่ไม่ยอมแพ้ระหว่างทางจะชื่นชมยินดีชั่วนิจนิรันดร์ในการที่ได้เห็นความบริสุทธิ์แห่งเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ได้กลับคืนสู่ความซื่อสัตย์ดั้งเดิมของมนุษย์ที่ถูกยกระดับขึ้นด้วยพระหรรษทาน เมื่อได้รับความรอดแล้วพวกเขาจะได้รับสมบัติอันล้ำค่าและไม่มีที่สิ้นสุดจากพระเจ้า ซึ่งไม่เหมือนปีศาจ ที่สัญญาว่าจะให้สิ่งที่มันตั้งใจจะปล้นไปจากเรา พระเจ้า,เมื่อพระองค์ทรงขอให้เราสละละทิ้งสิ่งต่างๆ,ก็จะคืนให้แก่เราในภายหลังอย่างล้นเหลือ: “และผู้ใดที่สละบ้านเรือน, พี่น้องชายหญิง, บิดามารดา, บุตร, ไร่นาเพราะเห็นแก่เรา ก็จะได้รับตอบแทนร้อยเท่าและจะได้รับชีวิตนิรันดรเป็นมรดกด้วย” (มธ 19:29)
 
ดังที่นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซูกล่าวไว้ว่า ความยากจนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่จะไม่เข้าสู่สวรรค์ ในทางกลับกัน, มันจะเป็นการลงโทษคนเหล่านั้นที่เลือกที่จะใส่ใจในความร่ำรวยในชีวิตนี้
 
ให้เราดำเนินชีวิตเป็นตัวอย่างของการไม่ยึดติด!
 
คุณธรรมบางประการได้ถูกบิดเบือนไปด้วยความเข้าใจผิดของมนุษย์ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา,ดังเช่นความยากจน น่าเสียใจที่มันมักจะถูกทำให้สับสนด้วยความทุกข์ยากลำบาก – ที่ฉายออกมาแม้กระทั่งในพระศาสนจักรและในการรับใช้บนพระแท่นบูชา – ด้วยความสกปรกของจิตใจ, หรือแม้แต่กับความใจบุญที่ไม่มีความเชื่อในพระเจ้า ซึ่งโอ้อวดเรื่องการให้อาหารแก่ปากท้อง, แต่ลืมที่จะช่วยวิญญาณให้รอด...
 
อย่างไรก็ตาม การบิดเบือนความจริงดังกล่าวไม่ใช่อะไรนอกจากความเห็นแก่ตัวที่ปลอมตัวเป็นคุณธรรม ซึ่งปฏิเสธการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์โดยปรารถนาเพียงแต่จะเก็บไว้เพื่อตัวเอง ในทางกลับกัน จิตวิญญาณที่แท้จริงของความยากจนรู้วิธีที่จะใช้ทุกสิ่งเพื่อรักและถวายเกียรติแด่พระเจ้า
 
ภารกิจของเราในฐานะคริสตชนคาทอลิกที่ดีคือการเป็นแบบอย่างของการไม่ยึดติดอย่างแท้จริงตามที่กล่าวไว้ในพระวรสาร ด้วยการทำงานอยู่เสมอเพื่อเพิ่มพระเกียรติของพระศาสนจักรและเอาชนะจิตวิญญาณ ให้เราปฏิเสธทุกสิ่งที่ทำให้เราอ่อนแอลงในความรักต่อพระเจ้า และด้วยวิธีนี้ เราจะเร่งสถาปนารัชสมัยอันมีความสุขของพระเยซูและพระนางมารีย์เหนือทั่วทั้งจักรวาล!
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น