วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2567

แม่พระแห่งศิลา

 

การรับรองของวาติกันเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับเหตุการณ์การประจักษ์ที่อิตาลีที่เรียกว่า "แม่พระแห่งศิลา" (Our Lady of the Rock)เป็นเรื่องที่น่าสนใจในหลายเรื่อง
 
ประการแรก แน่นอนว่าการรับรองความลึกลับ(mysticism)ของวาติกันในการประจักษ์ครั้งนี้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกตินัก โดยปกติทางวาติกันอาจต้องใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีกว่าจะให้การรับรองอย่างเป็นทางการ
 
ต้องใช้เวลาหลายศตวรรษกว่าการประจักษ์ในฝรั่งเศส,ที่เมืองเลาส์(Laus) จะได้รับการรับรองจากวาติกัน (รับรองในปี: ค.ศ. 2008; เหตุการณ์เกิดขึ้น: ระหว่างปี ค.ศ. 1664 ถึง ค.ศ. 1718)
 
การประจักษ์ของแม่พระแห่งศิลาเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยเริ่มต้นในปี 2016 ในสังฆมณฑลล็อกรี-เจเรซ(Locri-Gerace)ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี
 
วาติกันได้รับรองโดยตั้งข้อสังเกตว่า: “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ซึ่งเริ่มต้นจากโบสถ์ธรรมดาๆ สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2016 ตามประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณอันเข้มข้นของผู้มีความเชื่อซึ่งยังอยู่ในวัยเยาว์คนหนึ่ง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรื่องราวนี้ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ศรัทธาคนอื่นๆมากมายซึ่งมีภูมิหลังที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีความทุกข์และเจ็บป่วย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ดึงดูดผู้ศรัทธาและผู้แสวงบุญมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การดูแลของบุคคลธรรมดาที่มีหน้าที่
 
“มีกิจกรรมทางจิตวิญญาณอันเข้มข้นของการอธิษฐานภาวนาและการฟังได้พัฒนาขึ้นในสถานที่แห่งนี้ [มีเขียนไว้] ว่า: 'ผลพวงแห่งชีวิตคริสตชนในผู้ที่ไปแสวงบุญที่สักการะสถานบ่อยๆ เป็นที่ประจักษ์ชัด เช่น มีจิตวิญญาณแห่งการอธิษฐานภาวนา, การกลับใจ, กระแสเรียกบางอย่างสู่ฐานะพระสงฆ์และชีวิตนักบวช, และกิจการกุศลอื่นๆ เช่นการอุทิศตนเพื่อดูและผู้ป่วย, และผลพวงทางจิตวิญญาณอื่นๆ'”
 
อาสนวิหารของแม่พระในซานตาโดมินิกา, ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆในภูมิภาคคาลาเบรีย(Calabria)ของอิตาลี ถูกสร้างขึ้นบริเวณก้อนหินที่กล่าวกันว่าเป็นสถานที่ที่พระนางมารีย์ทรงประจักษ์ต่อโคซิโม ฟราโกเมนี(Cosimo Fragomeni) วัย 18 ปี ขณะที่เขากำลังกลับบ้านจากการทำงานในทุ่งนา
 
เรื่องราวเริ่มต้นวันที่ 11 พฤษภาคม 1968, เวลานั้นบราเดอร์โคซิโมมีอายุ 18 ปีและใช้ชีวิตอย่างยากจนกับครอบครัว ต้องดิ้นรนหาทางเอาชีวิตรอดทุกวัน—ทำงานบนพื้นที่แห้งแล้ง ดูแลปศุสัตว์ และไม่ได้ไปโรงเรียน ยุคสมัยนั้นคนหนุ่มสาวจำนวนมากทั่วอิตาลีและยุโรปออกมาประท้วงให้มีการปฏิรูปการศึกษาและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ด้วยจิตวิญญาณแห่งการกบฏที่แผ่ขยายไปทั่วตะวันตก Cosimo ยุ่งเกินไปในการช่วยเหลือครอบครัวของเขาให้มีชีวิตรอด
 
ในยุคสมัยแห่งความสงสัย, โคซิโมกำลังกลับจากทุ่งหญ้าและต้องแบกหญ้าอาหารสัตว์ เมื่อเขาพบกับแสงเจิดจ้าที่ส่องมาจากหินปูนสีเข้มขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อสโคกลิโอ(Scoglio)ที่อยู่ใกล้บ้านของเขา
 
แสงส่องสว่างเผยให้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีอายุประมาณเท่ากัยเขา,และเธอได้ให้สาส์นแรกแก่เขาจากทั้งหมดสี่สาส์น (11 พฤษภาคมถึง 14 พฤษภาคม) เพื่อเป็นเสียงสะท้อนของสาส์นแห่งฟาติมา เธอกระตุ้นให้ Cosimo สวดสายประคำ และเธอประสงค์ให้สถานที่นี้เป็นศูนย์กลางฝ่ายจิตวิญญาณ และยินดีต้อนรับทุกคน
 
ในตอนแรก Cosimo รู้สึกหนักใจและหวาดกลัว จึงอยากจะหนี (“มันอยู่นอกเหนือความฝันอันแปลกประหลาดที่สุดของผม” เขาเล่า) แต่ด้วยเสียงร้องเรียก, เขาจึงกลับมา และ “นับจากนั้นเป็นต้นมา ผมก็เต็มไปด้วยความปรารถนาอันไม่มีสิ้นสุดที่จะได้พบกับพระนาง หัวใจของผมเปี่ยมด้วยความรัก”
 
แม้ว่าในตอนแรกจะไม่รู้ว่าจะทำตามคำร้องขอของแม่พระได้อย่างไร, แต่ชายหนุ่มก็ทำงานและสวดภาวนาอย่างสุดจิตใจ (บางครั้งอาจสวดสายประคำมากถึง 20 สายต่อวัน) จนกระทั่งเขารู้สึกได้รับแสงสว่างจากพระจิตเจ้า
 
“แม่พระทรงขอให้ผมเปลี่ยนหุบเขานี้ให้เป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณที่สำคัญ สถานที่ที่วิญญาณจะพบกับความสงบและความสดชื่น เป็นหน้าต่างสู่สวรรค์ที่พระเจ้าทรงเปิดโดยผ่านการพิจารณาไตร่ตรองของผมเพื่อแสดงพระเมตตาของพระองค์” บราเดอร์โคซิโมอธิบายในภายหลังโดยเล่าเกี่ยวกับสาส์นของพระนางมารีย์ นับตั้งแต่วันแห่งการเปลี่ยนแปลงในปี 1968 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สถานที่นี้ได้ดึงดูดผู้แสวงบุญหลายแสนคน จนกระทั่งมีผู้แสวงบุญเพิ่มขึ้นมากกว่าล้านคนต่อปีก่อนที่จะเกิดโรคระบาดและผู้แสวงบุญมาจากทั่วทุกมุมโลก
 
มองซิเยอร์ฟรานเชสโก โอลิวา(Monsignor Francesco Oliva) บิชอปแห่งโลครี เกเรซ(Locri Gerace) กล่าวถึงเสน่ห์อันไม่น่าเชื่อของสถานที่นี้ เนื่องจากสถานที่นี้อยู่ห่างไกลและไม่มีที่ท่องเที่ยว “หลายคนสงสัยว่าเหตุใดจึงมีผู้คนมากมายมาที่ Scoglio มานานกว่าสี่สิบปี แม้จะมีถนนที่ไม่สะดวกและไม่มีศิลปะหรือความบันเทิง คำอธิบายเดียวคือ 'digitus Dei est hic' - ที่นี่คือนิ้วของพระเจ้า สิ่งนี้เห็นได้ชัดจากความศรัทธาของผู้คน การสารภาพบาป, การสวดภาวนาต่อหน้าพระแม่มารีย์ และการพิจารณาไตร่ตรองในระหว่างพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์”
 
วาติกันยอมรับกฤษฎีกาดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม
 
ดังที่หนังสือ Reggio Today ตั้งข้อสังเกตว่า “ในบรรดาประจักษ์พยานมากมายที่รวบรวมมา กระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ได้เติบโตเต็มที่ผ่านประสบการณ์การอธิษฐานภาวนาที่ Scoglio หลายคนอ้างว่าได้รับการเยียวยารักษาโดยการสวดภาวนาหรือโดยการอวยพรของบราเดอร์โคสิโม คนอื่นๆ หายป่วยหลังจากอาบน้ำในน้ำพุของพระแม่มารีย์ซึ่งไหลไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หลายๆคนบอกว่าได้รับพระหรรษทาน,เป็นการส่วนตัวหรือเพื่อคนที่ตนรัก โดยอาศัยการสวดภาวนาง่ายๆของสายประคำศักดิ์สิทธิ์ คนอื่นๆได้รับการรักษาโดยการสัมผัส Scoglio dell'apparizione ซึ่งตั้งอยู่ติดกับทางเข้าห้องใต้ดิน
 
นักเขียน Imma Divino กล่าวถึงเรื่องนี้ “'คุณพ่อผู้สิ้นหวังคนหนึ่ง' –– 'พิงเสื้อผ้ากับหินของ Scoglio เพื่อพาลูกชายของเขาซึ่งอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน และเด็กชายก็ได้รับการรักษาให้หายขาด' รายการเกี่ยวกับอัศจรรย์การเยียวยารักษาที่เก็บรักษาไว้ที่ Scoglio นั้นไม่อาจเก็บไว้ได้ทั้งหมด เนื่องจากมีกรณีมากมาย เช่นเดียวกับความเจ็บป่วยต่างๆ แต่ในบรรดาประจักษ์พยานเหล่านี้ ไม่อาจพลาดที่จะพูดถึงกรณีของริต้า(Rita) ผู้ซึ่งต้องถือว่าเป็นประจักษ์พยานที่มีชีวิตเรื่องความรักและพลังการเยียวยาของพระเจ้า”
 
แล้วริต้าล่ะ?
 
ปรากฎว่าเธออายุหกสิบหกปีซึ่งป่วยหนักด้วยโรคกระดูกอักเสบไทฟอยด์ร่วมกับมะเร็งกระดูก ซึ่งเป็นมะเร็งร้ายแรง
 
ผู้หญิงคนนั้นแทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวตามความตั้งใจของเธอเองได้ และวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างแท้จริง
 
จุดสุดท้ายที่จะเป็นจากโรคก็คือ : การตายด้วยความทุกข์ทรมานแสนสาหัส
 
และในความเป็นจริง เป็นเวลาสิบสามปีครึ่งที่ริต้าต้องอยู่แต่บนรถเข็น เนื่องจากเนื้องอกได้กัดกินกระดูกของเธออย่างช้าๆ และไม่หยุดหย่อน และในไม่ช้าเธอก็ต้องติดเตียง ก่อนการไปแสวงบุญ, พระสงฆ์ได้ประกอบพิธีศีลเจิมสำหรับผู้ใกล้ตาย “Extreme Unction” (ดังที่เรียกกันในสมัยนั้น) ผู้หญิงคนนั้นเคยไปแสวงบุญที่นั้นมาก่อนแล้ว, และด้วยความสิ้นหวัง,เธอจึงถูกนำตัวกลับมาที่นั่นอีกครั้ง
 
ย้อนไปวันที่ 13 สิงหาคม 1988
 
ดังที่ริต้าเล่าว่า “บราเดอร์โคสิโมเริ่มอธิษฐานภาวนาเพื่อฉัน และเมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็พูดกับฉันว่า 'ขณะนี้ไม่ใช่ผมที่กำลังพูดกับคุณ แต่พระเยซูกำลังตรัสคำเดียวกับที่ทรงพูดกับคนง่อยในกาลิลีว่า: จงลุกขึ้นและเดิน!”
 
“ถูกยกขึ้นด้วยพลังลึกลับ” เธอกล่าวต่อ “ฉันเริ่มบินโดยไม่แตะพื้น ครั้นถึงจุดหนึ่ง ราวกับฉันถูกวางเท้าลงบนพื้น,ที่อยู่นอกห้องที่บราเดอร์โคซิโมต้อนรับฉันและอธิษฐานภาวนา ฉันเริ่มเดินลงบันไดของลานโบสถ์ ฉันเดินไปที่ก้อนหินแห่งการประจักษ์ (Scoglio delle apparizioni) และฉันก็สวดภาวนา จากนั้นฉันก็กลับขึ้นบันได เข้าไปในโบสถ์น้อย และสวดภาวนาหน้าพระรูปของพระแม่มารีย์ แต่ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อสภาวะนั้น,ซึ่งพวกเขาบอกฉันว่าคือการอยู่ในภวังค์,สิ้นสุดลง ฉันจึงตระหนักถึงอัศจรรย์นี้”
 
หายเป็นปกติ!
 
การประจักษ์ครั้งแรก? - “ผมมองดูและเห็นต่อหน้าต่อตา ตรงส่วนบนของศิลา Scoglio ร่างอันอ่อนหวานของหญิงสาว, ผิวคล้ำ, อายุประมาณ 18 ปี, มีผมยาวสีน้ำตาลเข้ม” โคซิโมเล่า “พระนางทรงยืนเท้าเปล่าโดยประสานมือ ล้อมรอบด้วยรัศมีแสงอันเจิดจ้า และด้านหลังไหล่ของพระนาง,สามารถมองเห็นบางสิ่งบางอย่างเช่นดวงอาทิตย์ที่สดใสและมีรังสีสีทองทอดยาว พระนางทรงสวมอาภรณ์สีขาวราวหิมะ เข็มขัด และเสื้อคลุมสีน้ำเงิน มีผ้าคลุมผมสีขาวใสบนพระเศียรของพระนาง ประดับด้วยดวงดาว และมีเครื่องประดับไข่มุกอันแวววาวบนข้อมือของพระนาง”
 
ระหว่างนั้นและการประจักษ์สามครั้งต่อจากนั้น มีแสงสว่างส่องลงมาบนก้อนหิน
 
ประจักษ์ไม่มาก แต่ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น