วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

การเสด็จมาครั้งที่สอง

 


ในทุกศาสนามีเรื่องราวของบางคนที่กลับใจโดยเชื่อมโยงกับประสบการณ์ในชีวิตที่เจ็บปวด เรื่องราวของมารีโน เรสทรีโป ผู้เป็นอดีตโปรดิวเซอร์ของฮอลลีวูดก็เป็นเรื่องที่คล้ายกัน ดังที่ชายผู้นี้เคยเล่าประสบการณ์ของเขาหลายครั้งแล้วว่า เขาต้องเผชิญกับการถูกลักพาตัวโดยกลุ่มมาเฟียโคลอมเบีย เขาถูกกักขังไว้ในถ้ำที่มืดทึบและในถ้ำนั้นเขาได้มีประสบการลึกลับ เขาได้มองเห็นนรก สวรรค์ และไฟชำระ ประสบการณ์นี้มีจุดประสงค์เพื่อทำให้เขาตระหนักว่า,เขาเคยใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในบาปหนักมากสักเพียงไร ประสบการณ์นี้เป็นพระหรรษทานพิเศษจากพระเยซูเจ้า คุณสามารถอ่านเรื่องราวทั้งหมดของเขาได้จากลิงก์นี้ http://freewill14.blogspot.com/2014/05/blog-post_9.html พระเยซูเจ้าได้เปิดเผยหลายสิ่งแก่มารีโน และต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ทรงเปิดเผยถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ ซึ่งมารีโนได้บรรยายในการประชุมครั้งหนึ่ง
 
-----------------
 


สาส์นจากพระเยซูเจ้าถึงมารีโน เรสทรีโป(Marino Restrepo) เกี่ยวกับการเสด็จมาครั้งที่สอง
 
เราอยู่ใกล้จุดสิ้นสุดของยุคสุดท้ายมาก: นี่คือสิ่งที่พระเยซูตรัสกับมารีโน เรสทรีโปเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์
 
"เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดที่มนุษยชาติเคยประสบมา และพระเยซูเจ้าตรัสกับผมว่าโลกจะมืดมนยิ่งขึ้นไปอีก
 
แต่โลกก็ไม่เคยสว่างไสวเหมือนตอนนี้ด้วยเช่นกันและจะสว่างไสวยิ่งขึ้นไปอีก พระเจ้าส่องสว่างแก่เรามากกว่าที่เคย,เพราะโลกของเรากำลังสูญเสียความสว่างไป
 
แต่เรากลับไม่เข้าใจความรักนั้น
 
ต้องขอบคุณความก้าวหน้าในด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ,ที่ทำให้คนเรามีความงามทางกายภาพมากยิ่งกว่าเมื่อก่อน แต่กลับมีวิญญาณที่ดูน่าเกลียดมากยิ่งกว่าเมื่อก่อนเช่นเดียวกัน
 
พระเยซูเจ้าบอกผมว่ามีคนที่ขาดสารอาหารหลายพันล้านคนในโลกนี้ ผู้คนกระตือรือร้นที่จะเลี้ยงดูร่างกายของตน,จนพวกเขาละเลยที่จะเลี้ยงดูจิตวิญญาณ
 
วิญญาณที่ไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงไม่สามารถรักหรือมีความเห็นอกเห็นใจได้ พวกเขาไม่สามารถให้อภัยและเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวมากจนพวกเขาปฏิเสธความรักของพระเจ้าเมื่อพวกเขาตายไปและไปอยู่เบื้องหน้าพระองค์
 
แม้แต่ความเชื่อของพวกเขาก็เป็นแต่เพียงผิวเผิน
 
“นรกไม่มีอยู่จริง” คริสตชนบางคนกล่าว "ไม่มีการพิพากษา" 
 
เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้องดำเนินชีวิตตามสิ่งที่ได้รับ
 
ถ้าเราได้รับพระพรให้มีความเชื่อคาทอลิก,เราต้องเป็นคาทอลิกที่แท้จริง และเราจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างไร?
 
นอกจากดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติและคำสอนของพระศาสนจักรแล้ว เราต้องศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อของเรา ด้วยการเรียนรู้คำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก และอ่านเกี่ยวกับประวัตินักบุญและมรณะสักขี ซึ่งเตรียมเราให้มีความรู้และพร้อมที่จะพูดคุยกับเพื่อนบ้านของเรา การขาดความรู้,ความซื่อสัตย์, ความกล้าหาญ, และความรักเป็นสาเหตุที่ทำให้คนจำนวนมากออกห่างจากพระศาสนจักร
 
เราต้องดำเนินชีวิตตามความจริงและแม้แต่ยอมตายจากการพูดความจริง
 
พระเยซูเจ้าได้เปิดเผยแก่ผมว่า ถึงแม้มนุษย์ที่มีชีวิตบนโลกไม่เคยมีความเสี่ยงที่วิญญาณจะไปนรกมากยิ่งไปกว่าปัจจุบันนี้ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสมากยิ่งไปกว่าปัจจุบันนี้เช่นเดียวกันที่วิญญาณจะได้รับความศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่ยังอยู่ในเนื้อหนัง
 
เราอยู่ในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์สำหรับผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้า
 
ปัจจุบันนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการละทิ้งความเชื่อของยุคสุดท้าย
 
พระเยซูเจ้าตรัสกับผมว่า เราอยู่ใกล้จุดสิ้นสุดของวาระสุดท้ายเป็นอย่างมาก
 
อย่างไรก็ตาม ดังที่นักบุญเปโตรกล่าวไว้ สำหรับพระเจ้าหนึ่งวันก็เหมือนหนึ่งพันปี
 
อย่าไปฟัง "ประกาศกเท็จเทียม" ที่กล่าวว่า "เดือนหน้าเป็นวันสิ้นโลก!
 
หรือมันจะตกอยู่ในเดือนพฤษภาคม!
 
แต่เมื่อเดือนพฤษภาคมมาถึงและก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นประกาศกเท็จเทียมก็จะพูดว่า "ต้องขอบคุณคำอธิษฐานภาวนาของพวกคุณ”
 
“และมันจะเป็นในเดือนพฤษภาคมปีหน้า”
 
“อย่ายอมให้ตัวเราเองถูกหลอก
 
ปีศาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรากังวลเกี่ยวกับอนาคต
 
สำหรับโลกและอนาคตของโลก, พระเยซูเจ้าตรัสว่าโลกจะกลายเป็นอุตสาหกรรมมากขึ้น นั่นคือ เป็นโลกที่ไร้พระเจ้ามุ่งเน้นไปที่วัตถุนิยม
 
ศาสนาจะเป็นกิจกรรมส่วนตัวที่ไม่สามารถแสดงต่อสาธารณะได้และจะถูกตรวจสอบและถูกควบคุมโดยรัฐบาล
 
พระศาสนจักรที่แท้จริงจะอยู่แบบพระศาสนจักรใต้ดิน เหมือนดังเช่นตอนเริ่มต้นของคริสตศาสนา
 
ชาวยิวจะเป็นผู้เตรียมทางสำหรับพระเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จมาอีกครั้ง
 
พระเยซูเจ้าบอกผมว่าการกลับใจของอิสราเอลจะต้องเกิดขึ้นก่อนที่พระเยซูจะเสด็จมาอีกครั้ง
 
พระองต์ทรงอธิบายให้ผมฟังว่าชาวยิวเป็นผู้เลือกสรรของพระเจ้า
 
คริสตชนคาทอลิกได้รับการต่อกิ่งบนต้นไม้ของผู้ที่ได้รับเลือกสรร,และได้เป็นบุตรบุญธรรมเช่นเดียวกับพวกเขา และชาวยิวเป็นพี่ชายของเรา
 
เราต้องยอมรับชาวยิวแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่มีความเชื่อก็ตาม
 
พระองค์ตรัสว่า,เช่นเดียวกับที่ชาวยิวได้รับเลือกให้เป็นชนชาติที่พระเยซูเจ้าทรงจุติมา,พวกเขาจึงได้รับเลือกให้เป็นผู้ต้อนรับการเสด็จมาครั้งที่สองเช่นกัน
 
ชาวยิวจะเป็นผู้เตรียมทางสำหรับพระเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จมาอีกครั้ง
 
ในที่สุดชาวยิวจะกลับใจเปลี่ยนมานับถือคาทอลิกเป็นกลุ่มใหญ่จำนวนมาก
 
การเจิมของพระจิตเจ้าจะทรงเรียกพวกเขากลับมา
 
มันจะเกิดขึ้นเกือบจะข้ามคืนในลักษณะเดียวกับที่กำแพงเบอร์ลินพังทลาย
 
เมื่อการกลับใจของชาวยิวเริ่มต้นขึ้น,จะเกิดความสับสนอย่างมากในหมู่ชาวยิวและหลายคนจะฆ่ากันเอง
 
เมื่อชาวยิวรวมเข้ากับคาทอลิกดั่งสายน้ำเชี่ยว,มันจะเป็นการตีระฆังครั้งสุดท้ายที่จะประกาศว่า "พระเยซูกำลังเสด็จมา”
 
“พวกเขาจะช่วยพระศาสนจักรคาทอลิกให้พ้นจากการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่
 
นี่คือหมายสำคัญที่พระเยซูเจ้าตรัสว่าพระองค์จะประทานให้
 
พระศาสนจักรจะมีขนาดเล็กลง, แต่จะกลายเป็นพระศาสนจักรของผู้มีความเชื่ออย่างแท้จริง
 
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า,หลายคนจะหันเหออกจากความเชื่อคาทอลิก
 
พระเยซูเจ้าจะทรงทำความสะอาดบ้านของพระองค์และสิ่งสกปรกจำนวนมากจะถูกเปิดเผยออกมา นั่นคือ สิ่งที่ซ่อนตัวอยู่จะออกมาอยู่ในแสงสว่าง
 
เวลาที่เราต้องเผชิญนั้นจะไม่สามารถทนรับได้ด้วยความอดทนถ้าหากปราศจากความเชื่อซึ่งมีความรักเป็นศูนย์กลางและด้วยความนบนอบเชื่อฟังอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
 
มีความจำเป็นอย่างยิ่งในสมัยของเราที่จะต้องเรียนรู้ว่าจะมีความรักอย่างแท้จริงได้อย่างไร
 
(ข้อความต้นฉบับข้างบนนำมาจาก medjugorje-news.com วันที่ 5 เมษายน 2022)
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น